ขมิ้นและขมิ้นชัน พืชสมุนไพรอย่างหนึ่งในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีความสำคัญต่อการรักษาในปัจจุบันและมีสรรพคุณทางยามากมาย จนได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งเครื่องเทศ”
จุดเริ่มต้นของการใช้ขมิ้นหรือขมิ้นชันในประเทศไทย
ขมิ้นชัน (Curcuma longa) เป็นพืชสมุนไพรที่มีความสำคัญและมีประวัติการใช้งานอันยาวนานในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งพืชชนิดนี้เป็นหนึ่งในพืชตระกูลขิง (Zingiberaceae) จะมีลักษณะเด่นคือเหง้าสีเหลืองเข้มไปจนถึงสีแสดที่ได้มาจากสารเคอร์คูมิน (Curcumin) และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อีกทั้งขมิ้นยังได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชินีแห่งเครื่องเทศ" ในอินเดียและได้รับความนิยมในการใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยาสมุนไพร และเครื่องสำอางมาเป็นเวลานับพันปี
ในส่วนของประวัติการใช้ขมิ้นในประเทศไทยนั้นเริ่มต้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยมีบันทึกว่าเริ่มต้นใช้ขมิ้นชันในตำรายาโบราณและคัมภีร์แพทย์แผนไทย โดยชาวไทยโบราณจะใช้ขมิ้นในการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคผิวหนัง อาการปวดท้อง และการอักเสบ นอกจากนี้ยังใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อ เช่น การทำน้ำมนต์และการสักยันต์อีกด้วย ปัจจุบันขมิ้นชันยังคงเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยคุณประโยชน์ทางการแพทย์ที่หลากหลายและการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้ขมิ้นชันกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย
สรรพคุณของขมิ้นที่คุณอาจยังไม่ทราบ
ขมิ้น หรือ ขมิ้นชันที่เราสามารถพบเห็นได้ในปัจจุบันที่มีสีเหลืองสดและมีกลิ่นหอมนั้นสามารถนำมาใช้ในการผลิตเป็นยาสมุนไพรต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงและรักษาร่างกาย โดยสรรพคุณของขมิ้นจะมีดังต่อไปนี้
สารเคอร์คูมินในขมิ้นหรือขมิ้นชันนั้นมีฤทธิ์ที่สามารถยับยั้งการสร้างสารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบในร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้ขมิ้นชันมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ รูมาตอยด์ และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบได้อีกด้วย
เคอร์คูมินในขมิ้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคความเสื่อมของระบบประสาท
ขมิ้นหรือขมิ้นชันมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยอาหารภายในร่างกายสามารถทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหารได้ โดยสามารถใช้ขมิ้นชันแคปซูลในการรักษาปัญหาเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน
ขมิ้นสามารถช่วยบำรุงรักษาและปกป้องตับจากความเสียหายได้ ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น และช่วยในการล้างพิษภายในร่างกาย
ขมิ้นหรือขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดได้เช่นเดียวกัน
ขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถช่วยทำให้ลดการอักเสบของผิว ลดรอยแดง รอยดำ และช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสได้
การรับประทานขมิ้นชันแคปซูลมีข้อดีอย่างไรบ้าง?
ขมิ้นถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาสูง โดยเฉพาะสารสำคัญอย่าง "เคอร์คิวมิน" ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งในยุคที่ผู้คนมักจะมีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ การรับประทานขมิ้นชันในรูปแบบแคปซูลจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและง่ายต่อการใช้ในการดูแลสุขภาพ ผู้ผลิตหลายรายได้มีการบรรจุขมิ้นชันในรูปแบบแคปซูลเพื่อความสะดวกในการบริโภค โดยสามารถรับประทานได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเตรียมวัตถุดิบหรือทำอาหารให้ยุ่งยาก การทานขมิ้นในรูปแบบแคปซูลจึงเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายต่อการรับประทาน และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากขมิ้น โดยจะมีข้อดีในการรับประทานขมิ้นแคปซูลดังนี้
การรับประทานขมิ้นแคปซูลนั้นถือได้ว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก และไม่ต้องเสียเวลาเตรียมขมิ้นสดเพื่อนำมาปรุงเป็นยาสมุนไพร เพียงรับประทานแคปซูลเม็ดเดียวก็ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
ขมิ้นชันแคปซูลแต่ละเม็ดนั้นจะมีปริมาณของสารเคอร์คิวมินที่แน่นอนและคงที่ทุกเม็ด ทำให้เราสามารถควบคุมปริมาณในการรับประทานได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องทำการชั่ง ตวง วัด
3. ดูดซึมได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า
การสกัดขมิ้นชันในรูปแบบของแคปซูลจะสามารถช่วยรักษาร่างกายให้ดูดซึมสารเคอร์คิวมินได้ดีขึ้นกว่าการทานขมิ้นสด เนื่องจากปริมาณที่มีความคงที่เท่ากันทุกเม็ดและสามารถย่อยสลายภายในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
ขมิ้นชันกินก่อนหรือหลังอาหารดีกว่ากัน?
ทุกคนคงเคยสงสัยว่าการรับประทานขมิ้นแคปซูลควรรับประทานช่วงเวลาใดบ้าง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำว่าขนาดในการรับประทานนั้นจะอยู่ที่ครั้งละ 2-4 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน หรือตามแพทย์สั่ง ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานจนเกินไป อีกทั้งก็ควรทำการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาขมิ้นแคปซูลทุกครั้งเพื่อความมั่นใจ
ขมิ้นชันแคปซูลข้อควรระวังในการรับประทาน
แม้ว่าขมิ้นชันแคปซูลจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรมีการใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับตับหรือระบบทางเดินอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการบริโภค นอกจากนี้ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานขมิ้นชันในปริมาณมาก และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการบริโภคขมิ้นชันแคปซูล
ในการเลือกซื้อขมิ้นแคปซูล ควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ปริมาณเคอร์คูมิน เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณเคอร์คูมินสูง เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
2. สารสกัด เลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากขมิ้นชันที่มีคุณภาพสูง
3. ส่วนผสมอื่น ๆ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตราย
4. ตราสัญลักษณ์ อย. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์ อย. เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย
5. ราคา เปรียบเทียบราคาของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่า
ขมิ้นหรือขมิ้นชันแคปซูลถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากมีคุณประโยชน์หลากหลายต่อร่างกาย รวมถึงสามารถต้านการอักเสบ บำรุงตับ และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี ผู้ที่มีความสนใจในการใช้ขมิ้นชันแคปซูลควรมีความรู้และความเข้าใจในข้อดีและข้อเสีย, ขมิ้นชันกินก่อน หรือ หลัง อาหาร รวมถึงวิธีการใช้ให้ถูกต้องทุกครั้งก่อนรับประทาน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย